ทัวร์อินเดีย คุชราต แมนเชสเตอร์แห่งตะวันออก
ทัวร์
เอเชีย
ระยะเวลา
9 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
11-19 ก.พ. 62/ 11-19 ต.ค. 62/ 15-23 ต.ค.62/ 23 พ.ย. - 1 ธ.ค. 62/ 2-10 ธ.ค.62
Hilight

คุชราต ประเทศอินเดีย แคว้นทางเหนือมีอาณาเขตติดกับรัฐราชาสถาน ทางตอนใต้ติดกับรัฐมหาราษฎระ  และทางทิศตะวันออกติดกับรัฐมัธยประเทศ  และทางทิศตะวันตกติดกับทะเลอาหรับ นอกจากนี้มีเขตแดนระหว่างประเทศติดกับปากีสถานทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ   คุชราตเคยเป็นดินแดนในแหล่งอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ  และถูกสันนิษฐานว่าเป็นเมืองท่าแห่งแรกของอินเดีย เพราะพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่ามีท่าเรือขนาดใหญ่  รัฐคุชราตมีร่องรอยหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคโบราณหลายแห่ง  ที่สำคัญคุชราตเป็นบ้านเกิดของมหาตมะ คานธี และเป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศคำปฏิญาณ สัตยาเคราะห์ (Satyagraha) เป็นอาวุธทางการเมือง ที่ยึดมั่นในการต่อสู้เรียกร้องบนหลักแห่ง “อหิงสธรรม” ที่อุทิศตนและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมและอยู่บนของ “อหิงสา” หรือ ความไม่เบียดเบียน และการไม่ใช้ความรุนแรง  เราขอนำท่านเดินย้อนรอยอดีต ดินแดนของชาวคุชราตี 

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    วันแรก : กรุงเทพฯ – เดลี – วาโดดารา (Vadodara) ( อาหารมื้อ --- / --- / ค่ำ )
    • 06.00  น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ  เคาน์เตอร์ สายการบินแอร์อินเดีย  ประตูทางเข้าที่ 10  แถว  W  

      เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินและโหลดกระเป๋า      
                                                                         
      08.55  น. เดินทางสู่เมืองเดลี โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่  AI 333
      12.00  น. เดินทางถึงเมืองเดลี  ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง  เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องบินสู่เมืองวาโดดารา 
      17.50  น. เดินทางสู่เมืองวาโดดารา (Vadodara) โดย Air India เที่ยวบินที่  AI 819 
      19.20  น. เดินทางถึงเมือง วาโดดารา (Vadodara)  ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง  จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ที่พักโรงแรม
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  

      พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม  FOUR POINTS BY SHERATON VADODARA - 4* หรือเทียบเท่า 

  • Day 2
    วันที่สอง : วาโดดารา (Vadodara) – อาห์เมดาบัด (Ahmedabad) ( อาหารมื้อ เช้า / กลางวัน / ค่ำ )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      เมืองวาโดดารา (Vadodara) เดิมชื่อ บาโรดา Baroda เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของรัฐคุชราต  มีความสำคัญในประวัติศาสตร์รัฐคุชราต และเป็นเมืองที่มีความเจริญด้านโครงสร้างพื้นฐานอันดับต้นๆ ของประเทศ 
      นำท่านชม พระราชวังลักษมีวิลาศ (Laxmi Vilas Palace) เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์แบบอินโด สร้างโดยราชวงศ์ของ Gaekwad ต่อมาในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1878 – 1890 มหาราชา Sayajirao Gaekwad III ได้ทำการต่อเติมและปรับปรุงใหม่ โดยใช้เงินในการก่อสร้างประมาณ 180,000 ปอนด์  มีพื้นที่ประมาณ  500 เอเคอร์ พระราชวังแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าพระราชวังบัคกิงแฮมในลอนดอนถึงสี่เท่า   ปัจจุบันยังเป็นที่อยู่อาศัยของพระราชวงศ์  การตกแต่งภายนอกที่มีลวดลายวิจิตรงดงาม ภายในก่อสร้างด้วยพื้นกระเบื้องโมเสคแบบเวนิส   อีกทั้งมีโบราณวัตถุเลอค่า  ประติมากรรมสำริดดินเผา
      จากนั้นชมบ่อน้ำ Navlakhi Stepwell ตั้งอยู่ภายในพระราชวังลักษมีวิลาศ มีอายุกว่า 600 ปี สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15  ในสมัย Sultan Muzaffar Shah เชื่อกันว่ามีการใช้เหรียญทอง เก้าแสนเหรียญเพื่อสร้างโครงสร้างที่สวยงามของบ่อน้ำ อดีตบ่อน้ำแห่งนี้สร้างเพื่อการจัดเก็บน้ำไว้ใช้ภายในพระราชวัง   
      จากนั้นชม  พิพิธภัณฑ์มหาราชาฟาเทห์สิงห์ ( Maharaja Fatesingh Museum) อยู่ในพระราชวังลักษมีวิลาศ อดีตเป็นสถานศึกษาสำหรับราชวงศ์ สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1875  จากนั้นจึงได้ออกแบบอาคารเรียนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์  โดยมี ดร.เอช  เก็ทซ์ ( Dr.H.Goetz) เป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์  ได้ร่วมจัดนิทรรศการพิพิธภัณฑ์แห่งนี้   ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยวัตถุโบราณและศิลปกรรมในราชวงศ์ Gaekwads
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย นำท่านเดินทางสู่ อุทยานประวัติศาสตร์จัมปาเนอร์ ปวกัดห์ ( Champaner - Pavagagdh) (ระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ก่อสร้างขึ้นในศตววรษที่ 8  โดย Sultan Mahmud Begada  มีป้อมปราการที่เรียงรายจากภูเขา Pavagadh และขยามมาจนถึงเมือง Champaner ภายในอุทยานแห่งนี้ประกอบไปด้วยอนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรมโบราณ แลมีมัสยิด ( Jami Masjid) ที่มีการผสมผสานศิปละแบบฮินดูและอิสลามเข้ากันอย่างลงตัว  อุทยานแห่งนี้ไม่เคยถูกทำลาย และยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี จนได้ประกาศเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอาเมห์ดาบัด (Ahmedabad) (ระยะทางประมาณ 146 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม  FORTUNE LANDMARK HOTEL – 5* หรือเทียบเท่า

  • Day 3
    วันที่สาม อาเมห์ดาบัด ( Ahmedabad ) - ปาทัน (Patan) ( อาหารมื้อ เช้า / กลางวัน / ค่ำ )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองปาทัน  ( Patan )    (ระยะทางประมาณ  126 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  3 ชั่วโมง ) 
      เมืองปาทัน เคยเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรคุชราต มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในสมัยราชวงศ์โสลันคี  ทำให้เมืองโบราณแห่งนี้มีความรุ่งเรืองทางด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม  ระหว่างทางนำท่านแวะ ชมเทวาลัยพระอาทิตย์ (Sun Temple ) ที่เมืองโมเดห์รา ( Modhera)  สร้างโดยกษัตริย์  Bhimdev ในค.ศ 1026  ด้วยหินทรายสีชมพู  เพื่อบูชาสุริยะเทพ  เป็นวัดฮินดูที่มีลวดลายแกะสลักเทพสุริยะ  รูปเทพ และเทพธิดา อย่างวิจิตรงดงาม  และมีบ่อน้ำกลางแจ้งที่มีสลักขั้นบันไดไว้อย่างสวยงาม   
      กลางวัน    รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย จากนั้นนำท่านชม  บ่อน้ำ รานี คี วาฟ ( Patan Rani Ki Vav ) หรือ บ่อน้ำราชินี ( The Queen’s Stepwell ) 
      เป็นวิหารใต้ดิน 7ชั้น ใช้กักเก็บน้ำ และเป็นแหล่งน้ำใต้ดิน และประกอบพิธีกรรม  มีความยาว 64 เมตร กว้าง 20 เมตร ลึก 27 เมตร  บ่อน้ำแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 11  โดยราชินีอุทัยมาตี  เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่ กษัตริย์พิมเทพที่ 1 ( Bhimdev I ) แห่งราชวงศ์โสลันกี  ภายในวิหารจะมีบันไดลงด้านเดียว  เสาและผนังในแต่ละชั้นมีการแกะสลักลวดลายวิจิตรงดงาม เช่น พระพรหม  พระศิวะ และพระวิษณุ   เมื่อเวลาผ่านไปจึงถูกทับถมอยู่ใต้ดิน จนกระทั่งถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1958   และได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 201   นำท่านเดินทางกลับ เมืองอาเมห์ดาบัด  (ใช้เวลาประมาณ  3 ชั่วโมง) 
      หากมีเวลาเหลือพอ นำท่านชม วัดอักชาร์ดัม ( Akshardham Temple) สร้างขึ้นปี 1992  เป็นวัดลัทธิสวามินารายัน และเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ในรัชคุชราต  ภายในวัดมีการแกะสลักงดงาม 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม  FORTUNE LANDMARK HOTEL – 5* หรือเทียบเท่า

  • Day 4
    วันที่สี่ อาเมห์ดาบัด ( Ahmedabad ) - โลทาล ( Lothal ) – บาฟนาการ์ ( Bhavnagar) ( อาหารมื้อ เช้า / กลางวัน / ค่ำ )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโลทาล (Lothal) (ระยะทางประมาณ 75.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง )     นำท่าน ชมพิพิธภัณฑ์เมืองโบราณ ( Lothal Museum ) ที่บ่งบอกถึงอดีตอันงดงามของวิถีชีวิตเชิงวัฒนธรรมแห่งเมืองฮารัปปา และอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ   เมืองโลทาล หมายถึง เนินแห่งความตาย ในภาษาคุชราต    นักโบราณคดีได้ขุดพบเมืองแห่งนี้ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1955 – 1960   บริเวณที่ขุดพบทำให้เห็นเค้าโครงเมืองโบราณแห่งนี้ได้เคยเป็น

      ศูนย์การค้าที่มีความเจริญรุ่งเรือง เพราะเมืองนี้ตั้งอยู่ จุดที่แม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน แล้วไหลลงสู่อ่าวแคมเบย  จึงเป็นเมืองท่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองในการค้ากับภูมิภาคแอฟริกาและเอเซียตะวันตก                                                    
      นำท่านเดินทางสู่  เมืองบาฟนาการ์ ( Bhavnagar )  ( ระยะทางประมาณ 97 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง )

      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย นำท่านชม  วัด Takteshawar  อยู่บนเนินสูง สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1893   โดยมหาราชา Takhatsihnij  พระองค์เป็นผู้สั่งสร้างพระวิหารแห่งเพื่ออุทิศให้กับพระศิวะ เป็นวัดเก่าแก่ในรัฐคุชราต   บนวัดแห่งนี้ท่านสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองได้
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  พักผ่อนตามอัธยาศัยที่ โรงแรม NILAMBAGH PALACE – 3* หรือเทียบเท่า

  • Day 5
    วันที่ห้า บาฟนาการ์ ( Bhavnagar) – ดิอู ( Diu ) ( อาหารมื้อ เช้า / กลางวัน / ค่ำ )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม 
      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองดิอู ( Diu )  (ระยะทางประมาณ  200 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง )  เมืองดิอูเดิมเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส    เป็นเมืองเล็กๆบนเกาะ  ได้รับเอกราชเมื่องปี ค.ศ. 1961  ปัจจุบันเป็นดินแดนสหภาพดามันและดิอู หรือ Union Territories   ซึ่งอินเดียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 29 รัฐ และ 7 ดินแดนสหภาพ 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย นำท่านชม ป้อมปราการโปรตุเกส  ( Portguese Fort )  สร้างขึ้นปีค.ศ. 1535  และมีการสร้างเพิ่มเติมในปี ค.ค. 1541 ในช่วงการปกครองของโปรตุเกส  ป้อมแห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี  และมีระบบคูน้ำสองชั้น  ป้อมปราการล้อมรอบด้วยทะเลทั้งสามด้าน  ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของเมืองดิอู
      จากนั้นนำท่านชม โบสถ์เซนต์ปอล  (St.Paul’s Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่มีอายุกว่า 400 ปี  มีความคล้ายคลึงกับโบสถ์ Bom Jesus ที่เมืองกัว    โบสถ์แห่งเป็นโบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในเกาะดิอู และมีสถาปัตยกรรมแบบโกธิก 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  พักผ่อนตามอัธยาศัยที่ โรงแรม  RADHIKA BEACH RESORT – 3*    หรือเทียบเท่า

  • Day 6
    วันที่หก ดิอู ( Diu ) – จูนาการ์ท ( Junagadh ) – ราจค็อท ( Rajkot) ( อาหารมื้อ เช้า / กลางวัน / ค่ำ )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม 
      นำท่านเดินทางสู่เมือง จูนาการ์ท  ( Junagadh ) (ระยะทางประมาณ 174 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  4-5 ชั่วโมง) 
      เป็นเมืองใหญ่อันดับเจ็ด และเป็นเมืองเก่าแก่ ของรัฐคุชราต  
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย นำท่านชม ป้อมอุปาร์ค็อท (Uparkot Fort)  สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจันทร์คุปต์  ภายในแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับพระสงฆ์   ป้อมแห่งนี้มีอายุกว่า 2,300 ปี  มีกำแพงสูงถึง 20 เมตร  ต่อมาถูกยึดครองโดยมุสลิม ภายในป้อมโบราณแห่งนี้กลุ่มถ้ำพุทธ อายุกว่า 2,000 ปี  และมีบ่อน้ำลึกซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญเพื่อใช้ภายในป้อมเมื่อยามที่ถูกศัตรูล้อมรอบ
      จากนั้นนำท่านชม  มาฮาบัท มัคบารา ( Mahabat Maqbara)
      สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1892  เป็นสุสานของผู้ปกครองเมืองจูนาการ์ท  มีสถาปัตยกรรมแบบอินโด-อิสลามแบบยุโรป และแบบโกธิก  โครงสร้างตรงศูนย์กลางมีหอคอยรูปทรงหัวหอมล้อมรอบทั้งสี่มุม  และมีบันไดวนล้อมรอบโดมไปในทิศทางตรงข้ามเพื่อให้ดูเกิดความสมดุลย์กัน   อาคารด้านในและด้านนอกประดับด้วยหินแกะสลักลวดลายวิจิตรงดงาม
      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ราจค็อต (Rajkot) (ระยะทางประมาณ 103 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  2.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองใหญ่อันดับสี่ของรัฐคุชราต  ตั้งอยู่มริมฝั่งแม่น้ำ Aji และ Niari  เมืองนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ และมีอารยธรรมโบราณอันยาวนาน
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม  THE FERN RESIDENCY – 4* หรือเทียบเท่า

  • Day 7
    วันที่เจ็ด ราจค็อท ( Rajkot) – อาเมห์ดาบัด ( Ahmedabad ) ( อาหารมื้อ เช้า / กลางวัน / ค่ำ )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านเดินทางสู่เมืองอาเมห์ดาบัด  ( Ahmedabad ) (ระยะทางประมาณ 214 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง )
      เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐคุชราต  และอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของรัฐคุชราต  เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางการค้า และศูนย์กลางอุตสาหกรรมสิ่งทอของอินเดีย  อีกทั้งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย ชม อาศรมคานธี ( Gandhi Ashram ) ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำสะบาร์ตี สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1848 โดยพ่อค้าที่ร่ำรวยเพื่อเป็นจุดศูนย์กลางของชาวอินเดียที่รวมกันเพื่อต่อสู้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพจากอังกฤษ  และเป็นที่พำนักของมหาตมะคานธี  นำท่านสัมผัสชีวิตและการทำงานของมหาตมะ คานธี  เกี่ยวกับการเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณและการปฏิวัติแบบอหิงสา  อีกทั้งอาศรมแห่งนี้เคยเป็นศูนย์บัญชาการของมหาตมะ คานธี ในระหว่างปี ค.ศ. 1915-1930  
      นำท่านชม วัด Hutheesingh Jain  สร้างในปีค.ศ. 1850  โดยพ่อค้าผู้ร่ำรวย  Sheth Huthseeing เพื่ออุทิศให้กับศาสนา  ในก่อสร้างใช้ช่างฝีมือหลายร้อยคน  วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ประจำเมืองอาเมห์ดาบัด มีการออกแบบอย่างสวยงามแบบสถาปัตยกรรมฮินดู  สร้างจากหินอ่อนที่แกะสลักด้วยความประณีตและงดงาม
      จากนั้นอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งซื้อของฝากที่ตลาดท้องถิ่น
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม FORTUNE LANDMARK HOTEL – 5* หรือเทียบเท่า

  • Day 8
    วันที่แปด อาเมห์ดาบัด ( Ahmedabad ) – กรุงเทพฯ ( อาหารมื้อ เช้า / กลางวัน / --- )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านชม จามามัสยิด ( Jama Masjid ) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1423 โดยสุลต่าน อาห์เหม็ด ซาห์  ใช้เวลาในการก่อสร้าง 13 ปี  ภายในมัสยิดมีเสาจำนวน 260 ต้น ที่มีการตกแต่งที่ไม่เหมือนกัน มีหลังคาโดมที่สง่างาม  ทางด้านทิศตะวันออกของมัสยิด คือ สุสานของสุลต่าน อาห์เหม็ด ซาห์  และพระราชโอรส มุฮัมมัด ซาห์ และพระราชนัดดา อาห์เหม็ด ซาห์  ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ปกครองรัฐคุชราต   สถานที่นี้มีผู้คนมาสักการะบูชาอยู่เสมอ ดังนั้น ห้ามสวมกางเกงขาสั้นหรือชุดกระโปรงสั้น ควรถอดรองเท้าก่อนเข้า และวางไว้ที่บริเวณทางเข้า หอสวดมนต์หลักสามารถเข้าได้โดยผู้ชายเท่านั้น
      จากนั้นนำท่านชม Rani Sipri’s Mosque เป็นสุเหร่าที่มีการแกะสลักวิจิตรงดงาม จากนั้นชม Rani Rupmati Mosque สร้างในปี ค.ศ 5 เพื่ออุทิศให้กับ ชายาสุลต่านซึ่งเป็นฮินดู  สุเหร่านี้เป็นการสร้างโดยผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบฮินดูและอิสลาม เข้ากันได้อย่างลงตัว  

      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย นำท่าน ชม Sidi Sayed Mosque สร้างในปี ค.ศ. 1573 ในสมัยอาณาจักรสุลต่านแห่งคุชราต ภายในมัสยิดมีการแกะสลักที่หน้าต่างทรงครึ่งวงกลม จำนวน 10 บาน โดยเฉพาะการแกะสลัก รูปต้นไม้แห่งชีวิต  การแกะสลักเป็นแบบฉลุแผ่นหินเป็นรูปต้นปาล์มแผ่กึ่งก้านเป็นเส้นโค้งวิจิตรงดงาม  จึงทำให้รูปต้นไม้แห่งชีวิตนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองอาเมห์ดาบัด 
      ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
      18.50 น. เหิรฟ้าสู่เมืองเดลี โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI 011
      20.30 น. ถึงเมืองเดลี เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
      23.00 น. เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI 334

  • Day 9
    วันที่เก้า กรุงเทพฯ
    • 04.40 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ 
Top